วันนี้จะมาขอเล่าถึงภารกิจลุยเดี๋ยวพิชิตเขา Mont Puget ที่อยู่หลังมหาวิทยาลัย Aix-Marseille Université (Campus Luminy) และอยู่ในเขต Park nation des calanques de Luminy
ที่จริงเคยขึ้นไปบนเขาแห่งนี้กับเพื่อนๆนักเรียนป.เอกมาแล้วครั้งหนี่ง ตั้งแต่ช่วงต้นหน้าร้อน แต่คราวนั้นไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก ไม่ได้เตรียมกล้องขึ้นไปถ่ายรูปเลย มีเพียง IPhone 4 เครื่องเดียวติดตัวไปด้วย ได้มาภาพมาไม่จุใจเลย อีกทั้งจะหยุดถ่ายรูปบ่อยๆก็เกรงใจเพื่อนๆ คราวนี้เลยเตรียมตัวเต็มที่ ยอมแบกกล้อง Nikon D5100 และขาตั้งกล้องขึ้นไปด้วย รวมทั้งอาหารและน้ำดื่มที่นำขึ้นไปกินมื่อเที่ยงบนยอดเขาอีกด้วย สัมภาระงวดนี้เลยหนักกว่าคราวที่แล้วเยอะเลย แต่ไม่เป็นไร คราวนี้ไปคนเดียวเหนื่อยก็หยุดพัก อยากหยุดถ่ายรูปตรงไหนก็จัดเต็มได้เลยไม่ต้องเกรงใจใคร แต่ข้อเสียของการไปคนเดียวก็คือไม่มีเพื่อนช่วยดูทาง เลยทำให้เลือกเดินผิดเส้นทาง จึงต้องเดินไกลกว่าคราวที่แล้วเกือบๆสองกิโลเมตร กว่าจะรู้ตัวว่าเดินผิดเส้นก็สายเกินไปที่จะเลี้ยวกลับแล้วเพราะเดินมาไกลมากแล้ว ยังดีที่พอมีทางเดินเชื่อมไปยังทางขึ้นบนเขาได้ เลยไม่ต้องเดินย้อนกลับไปที่เดิม จึงถือโอกาสลองไปเส้นทางใหม่ดูแล้วกัน
ที่จริงเคยขึ้นไปบนเขาแห่งนี้กับเพื่อนๆนักเรียนป.เอกมาแล้วครั้งหนี่ง ตั้งแต่ช่วงต้นหน้าร้อน แต่คราวนั้นไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก ไม่ได้เตรียมกล้องขึ้นไปถ่ายรูปเลย มีเพียง IPhone 4 เครื่องเดียวติดตัวไปด้วย ได้มาภาพมาไม่จุใจเลย อีกทั้งจะหยุดถ่ายรูปบ่อยๆก็เกรงใจเพื่อนๆ คราวนี้เลยเตรียมตัวเต็มที่ ยอมแบกกล้อง Nikon D5100 และขาตั้งกล้องขึ้นไปด้วย รวมทั้งอาหารและน้ำดื่มที่นำขึ้นไปกินมื่อเที่ยงบนยอดเขาอีกด้วย สัมภาระงวดนี้เลยหนักกว่าคราวที่แล้วเยอะเลย แต่ไม่เป็นไร คราวนี้ไปคนเดียวเหนื่อยก็หยุดพัก อยากหยุดถ่ายรูปตรงไหนก็จัดเต็มได้เลยไม่ต้องเกรงใจใคร แต่ข้อเสียของการไปคนเดียวก็คือไม่มีเพื่อนช่วยดูทาง เลยทำให้เลือกเดินผิดเส้นทาง จึงต้องเดินไกลกว่าคราวที่แล้วเกือบๆสองกิโลเมตร กว่าจะรู้ตัวว่าเดินผิดเส้นก็สายเกินไปที่จะเลี้ยวกลับแล้วเพราะเดินมาไกลมากแล้ว ยังดีที่พอมีทางเดินเชื่อมไปยังทางขึ้นบนเขาได้ เลยไม่ต้องเดินย้อนกลับไปที่เดิม จึงถือโอกาสลองไปเส้นทางใหม่ดูแล้วกัน
แม้วันนี้จริงๆแล้วจะไปคนเดียว แต่ก็มีผู้คนออกมาเดินป่า ปั่นจักรยานเสือภูเขากันเต็มไปหมด เลยไม่รู้สึกเหงาหรือกลัวอะไรเลย แต่ด้วยที่อุทยานแห่งนี้มีหลากหลายเส้นทางให้เลือกเดิน จึงไม่ค่อยเพื่อนร่วมเส้นทางมากนัก โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นไปบนยอดเขา นานๆจะเจอคนเดินสวนมาที เพราะเส้นทางขึ้นเขาเส้นนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเส้นทางที่ถือว่ายากเพราะต้องเดินค่อนข้างไกล และมีบางช่วงที่สูงชัน ต้องมีการปีนป่ายเป็นบางช่วง แต่เส้นทางที่เลือกเดินวันนี้ก็เป็นเส้นทางที่เดินง่ายที่สุดแล้วในบรรดาเส้นทางขึ้นบนยอดเขาทั้งหมด กว่าขึ้นไปถึงบนยอดเขาได้นี่เล่นเอาเหนื่อยหอบอยู่เหมือนกัน อีกทั้งยังเดินผิดเส้นเลยต้องเดินไกลกว่าที่ควรจะเป็นทำให้มาถึงบนยอดเขาช้ากว่ากำหนดเกือบๆชั่วโมงได้ แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรเพราะระหว่างทางวิวสองข้างทางก็สวยเอาการอยู่เหมือนกัน แต่แอบผิดหวังเล็กน้อยเมื่อขึ้นมาถึงบนเขาแล้วเจอหมอกเยอะไปไหน ฟ้าไม่ใสปิ๊งเหมือนเมื่อตอนที่มาถึงตีนเขา เลยได้ภาพออกมาไม่สวยเท่าที่ควร
บนยอด Mont Puget จะมองเห็นเมือง Marseille ทั้งหมด รวมถึงทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน และเมือง Cassis ที่อยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร แม้ว่าวันนี้จะมีหมอกและเมฆเยอะจนมองเห็นภูเขาและตัวเมืองที่อยู่ไกลลิบตาไม่ชัด แต่วิวบนนี้ก็ยังสวยจับใจอยู่ดี แถมวันนี้อากาศดีมาก อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 18-20 °C มีลมพัดมาเอื่อยๆ บรรยากาศเงียบสงบดีมาก หลังจากมาถึงบนยอดเขาแล้วก็ถ่ายรูป อัพเดท Facebook นิดหน่อยก็รีบจัดแจงพื้นที่เพื่อที่จะรับประทานมื้อเที่ยง ท่ามกลางวิวพาโนรามาของเมือง Marseille แม้จะมีแค่แซนวิชธรรมดาๆ แต่มันก็เป็นอาหารที่อร่อยมากๆ พอกินเสร็จก็นั่งพักให้หายเหนื่อย แอบนอนกลางวันแป๊บหนึ่ง จึงออกเดินถ่ายรูปให้ทั่วบริเวณยอดเขาจนพอใจ ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินลงเขาแล้วเพราะต้องลงไปให้ถึงตีนเขาก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ไม่งั้นจะอันตรายมากในการเดินเขา
ขากลับก็ลังเลอยู่นานเหมือนกันว่าจะเดินกลับทางเดิมที่เดินสบายกว่าและปลอดภัยกว่าดี หรือจะเดินอ้อมเขาไปลงอีกทางที่มีวิวที่สวยไม่แพ้ขามา แต่เส้นทางนี้ก็อันตรายและเดินลำบากว่า เพราะต้องเดินลัดเลาะสันเขาลงไป มีทางขึ้นๆลงๆเยอะกว่าขามา อีกทั้งยังจำได้ว่าคราวที่แล้วที่มากับเพื่อนๆที่ Lab ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะเกือบพลัดตกเขา หรือเกือบขาแพลงไปหลายรอบ แต่ด้วยความคึกคะนองและอยากได้ภาพสวยๆจากอีกมุม เลยตัดสินใจเลือกเดินทางที่อันตรายกว่า ซึ่งไม่แนะนำเลยสำหรับใครที่มาคนเดียว เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีใครช่วยอะไรได้ ขณะที่กำลังเดินทางลงเขาอยู่นั้นก็แวะถ่ายรูปตามจุดต่างๆ และแวะพักตามทางอยู่เรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่เกือบพลัดตกเขาเมื่อคราวที่แล้วซึ่งมีเพื่อนนำทาง แต่คราวนี้มาคนเดียวและจำทางไม่ค่อยได้ เพราะทางบนเขามันคล้ายๆกันไปหมด แม้ว่าจะมีสัญลักษณ์บอกเส้นทางก็ตาม ทำให้เลี้ยวลงเส้นทางเส้นหนึ่งที่เป็นของนักปีนเขาใช้กันซึ่งไม่เหมาะกับนักเดินป่าอย่างเราๆเลย เพราะทางจะชันมาก และต้องมีอุปกรณ์ช่วย ผลก็คือไถลตัวลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงซอกเขาแห่งหนึ่งที่ชันและแคบมาก ถ้าจะลงไปต่อต้องโรยตัวลงไปเท่านั้นเลยเอะใจว่าเราน่าจะลงผิดทางแล้วหละ คงต้องย้อนกลับขึ้นไปทางเดิมเท่านั้นเพราะถ้าฝืนปีนลงไปมีหวังตกลงไปขาหักแขนหักเป็นแน่ แต่พอแหงนหน้าขึ้นไปมองทางที่ตัวเองได้ปีนลงมาแล้วก็ถึงกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกัน เพราะว่าสูงชันเหลือเกิน แต่ก็คงปีนขึ้นง่ายกว่าเสี่ยงลงไปต่อแน่ๆ จึงหยุดพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยปีนขึ้นไปใหม่ แต่ระหว่างนั้นก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าไม่น่ามาคนเดียวเล้ยยยย ถ้าเกิดอะไรขึ้นนี่ซวยแน่ๆ พอพักหายเหนื่อยแล้วก็ปีนต่อ และพอกลับขึ้นไปถึงจนที่ลงมาตอนแรกแล้วลองมากดูรอบๆดีๆ ก็พบว่ามีสัญลักษณ์ให้เดินต่อไปได้อีก จึงเดินต่อไปอีกหน่อยก็พบว่าทางที่ควรลงจริงๆมันอยู่ตรงนี้นี่เอง จึงพอยิ้มออกได้บ้างว่าเรามาถูกทางแล้ว แต่หนทางก็ใช่ว่าจะง่าย กว่าจะลงมาได้ก็ทุลักทุเลเอาการเหมือนกันเล่นเอาเท้าระบมไปเลย แต่ก็ต้องฝีนเดินต่อไปอีกเพราะใกล้จะถึงตีนเขาแล้วอีกทั้งพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว ถ้าช้ากว่านี้คงมืดก่อนแน่ๆ
สุดท้ายก็เดินออกมาถึงปากทางเข้า รวมแล้ววันนี้ใช้เวลาเดินทั้งหมด 6ชม. ระยะทาง 16กม. หลังจากนั้นก็มาขึ้นรถเมล์กลับบ้าน พอกลับมาถึงบ้านก็เล่นเอาหมดแรง ขาหมดเรื่ยวแรงไปเลย จึงอาบน้ำนอนเป็นอันจบภารกิจอย่างเสร็จสมบูรณ์....
สำหรับคนที่อยากจะมาเดินป่าแบบนี้ ก็สามารถนั่งรถบัสสาย 21 ปลายสายที่ Luminy ลงที่ปลายทางเลย แล้วค่อยเดินเข้าไปในเขตอุทยาน ซึ่งก็มีหลากหลายเส้นทางให้เลือกเดิน รวมทั้งเส้นทางเดินไปที่ Calanque de Sugiton (Luminy) ก็สามารถเข้าถึงได้จากจุดนี้เหมือนกัน และเดินง่ายกว่าทางขึ้นเขาเป็นหลายขุมเลยครับ
สำหรับคนที่อยากจะมาเดินป่าแบบนี้ ก็สามารถนั่งรถบัสสาย 21 ปลายสายที่ Luminy ลงที่ปลายทางเลย แล้วค่อยเดินเข้าไปในเขตอุทยาน ซึ่งก็มีหลากหลายเส้นทางให้เลือกเดิน รวมทั้งเส้นทางเดินไปที่ Calanque de Sugiton (Luminy) ก็สามารถเข้าถึงได้จากจุดนี้เหมือนกัน และเดินง่ายกว่าทางขึ้นเขาเป็นหลายขุมเลยครับ