ในระหว่างวันที่ 3 - 7 มีนาคมที่ผ่านมาได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมงานประชุมวิชาการที่เมืองมิลาน โดยใช้บริการรถไฟเชื้อสายอิตาเลี่ยนที่ชื่อว่า Thello ที่ให้บริการเชื่อมระหว่างเมืองมิลาน (Milan) ประเทศอิตาลี่ และเมืองหมากเซ่ย(Marseille) ประเทศฝรั่งเศส เริ่มให้บริการครั้งแรกของเส้นทางนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2014 เดิมที Thello ให้บริการเชื่อมระหว่าง Paris Gare de Lyon และ Venice Santa Lucia และต่อมาก็เริ่มให้บริการในเส้นทางที่สองคือ Paris Gare de Lyon <--> Rome Termini ก่อนที่จะยกเลิกไปในเดือน ธันวาคม 2013 ทำให้ปัจจุบัน Thello วิ่งให้บริการอยู่เพียงสองเส้นทาง คือ Paris <--> Venice และ Marseille <--> Milan. การซื้อตั๋วก็ทำได้ง่ายๆโดยซื้อจาก เว็บไซต์ Thello , Trenitalia หรือ ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานีรถไฟก็ได้ โดยราคาของรถไฟชั้นประหยัดนั้นเริ่มต้นเพียง 30€ โดยต้องจองก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตั๋วราคาชั้นประหยัดนี้ก็มีจำนวนจำกัดนะครับ
ออกนอกเรื่องไปไกลแล้วกลับมาที่การเดินทางของลุงแนบกันดีกว่าครับ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ตามกำหนดแล้วจะใช้เวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมง 20 นาที โดยไม่ต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่ไหน สุดท้ายกว่าจะถึงมิลานรถไฟก็ไปถึงปลายทางสาย 30 นาทีเลยทีเดียว
ออกนอกเรื่องไปไกลแล้วกลับมาที่การเดินทางของลุงแนบกันดีกว่าครับ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ตามกำหนดแล้วจะใช้เวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมง 20 นาที โดยไม่ต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่ไหน สุดท้ายกว่าจะถึงมิลานรถไฟก็ไปถึงปลายทางสาย 30 นาทีเลยทีเดียว
เอาหละพูดถึงการเดินทางไปแล้วก็ที่นี้ก็มาสถานที่ท่องท่องของเมืองนี้กันบ้าง สถานที่แรกเลยคือ Duomo di Milano ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี่ หากไม่นับ St. Peter's Basilica ที่ตั้งอยู่ในประเทศวาติกัน อีกทั้งโบสถ์แห่งนี้ยังเป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของโลกอีกด้วย จะว่าไปเที่ยวคนเดียวมาก็เยอะ แต่รู้สึกว่าบริเวณหน้า Duomo นี่ดูน่ากลัวจริงๆ มิจฉาชีพบุกมาซึ่งๆหน้า ทั้งพวกผูกแขน ขายอาหารนก ไกด์บุ๊ค และพวกที่ไม่น่าไว้ใจอื่นๆ ช่วงหัวค่ำนี่ชุกชมมาก พอมืดแล้วก็ค่อยๆหายไป จะตั้งกล้องถ่ายรูปที ต้องเดินไปที่รถตำรวจ แล้วตั้งมันต่อหน้าตำรวจนั้นแหละ ถ่ายจนหนำใจแล้วค่อยไป ตำรวจก็ได้แต่มองแล้วขำๆ ว่าไอ้นี่มันทำอะไรของมันอยู่คนเดียว !!
นอกจาก Duomo แล้ว ก็มี Santa Maria delle Grazie นี่แหละที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาเยี่ยมชม เนื่องจากโรงครัวของโบสถ์แห่งนี้มีรูปวาดอันเลี่องชื่อของ Leonado da Vinci อยู่ นั่นก็คือรูป The Last Supper ที่ Leonado da Vinci วาดขึ้นโดยใช้สีที่เขาผสมขึ้นมาใหม่ ทำให้หลังจากวาดได้ประมาณ 60วัน รูปก็เริ่มลอกออกมา แต่รูปก็ถูกบุรณะเรื่อยๆจนสมบูรณ์ เดิมทีรูปนี้ก็เป็นที่โด่งดังอยู่แล้ว แต่หลังจากมีภาพยนตร์เรื่อง "รหัสลับดาวินชี่" ออกมาก็ยิ่งทำให้คนหลั่งไหลมาชมกันมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายรัฐบาลอิตาลี่เลยต้องจำกัดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ครั้งละ 30คนในแต่ละเที่ยว และใช้ชมได้เพียง 15นาทีเท่านั้น เพราะเกรงว่าลมหายใจของคนจะทำให้ภาพได้รับความเสียหาย เพราะฉะนั้นใครคิดจะมาชมก็ต้องทำการจองออนไลน์ไว้แต่เนินๆนะครับ
อีกที่ที่มาจะพลาดไม่ได้เมื่อมามิลานก็คือ
Sforza Castle ซึ่งเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นโดย Francesco Sforza ดยุคแห่งมิลาน ในปี 1450 และในช่วงศตวรรษที่ 16 - 17 ปราสาทแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปก็ว่าได้ ในปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ไปเสียแล้วนอกจากสามที่ได้กล่าวมาแล้วยังมี พิพิธภัณฑ์ ตึกราบ้านช่อง สถานที่ราชการ ร้านค้าแบรนด์เนมกระจายอยู่รอบๆเมืองมิลาน ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมอีกมากมาย อีกทั้ง World EXPO 2015 ที่มิลานเป็นเจ้าภาพก็ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว จึงมีธงของนานาประเทศประดับประดาอยู่ตามที่ต่างมากมาย ลุงแนบจึงขอเก็บภาพบางส่วนมาให้ดูกันครับ
สุดท้ายแล้วหากมีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเนื่องจากบทความนี้เป็นบทความแรกที่เขียนขึ้นเพื่อแชร์ประสบการณ์ให้กับทุกคนครับ หากมีข้อแนะนำ หรือติชม ก็ยินดีที่รับฟังเสมอครับ แล้วเจอกันบทความหน้านะครับ จะพยายามเขียนถึงสถานที่ต่างๆที่เคยไปมานะครับ :)