เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนเมือง Copenhagen หรือ København ซึ่งหมายความว่า "ท่าเรือของเหล่าพ่อค้า" เมืองหลวงของประเทศ Denmark ที่ถือว่าเป็นจุดเชื่อมระหว่างแผ่นดินของยุโรปและสแกนดิเนเวีย การมาเที่ยวครั้งนี้มีการเตรียมตัวที่น้อยมาก ไม่ได้ดูเลยว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง ใช้วิธีเดินตามแผนที่ที่ทาง tourist office จัดไว้แจกให้นักท่องเที่ยว มีการเตรียมเพียงแค่การเดินทางจากสนามบินไปที่พักเท่านั้น และสิ่งแรกที่ทำให้แปลกใจเมื่อเดินทางมาถึงเมืองนี้ก็คือ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความซื่อสัตย์ ซึ่งเห็นได้จาก ทุกสถานีเมโทร จะไม่มีประตูกั้นขึ้นลงเมโทรเลย มีเพียงแค่จุดแสกนบัตรโดยสาร ให้ผู้โดยสารแสกนเองโดยไม่มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมเลย
เริ่มต้นวันแรกของการผจญภัยด้วยการ ซื้อขนมปังและน้ำผลไม้จาก Supermarket แล้วไปนั่งทานในสวน Botanical Gardens สวนพฤกษาชาติประจำเมือง ที่ทำหน้าที่เป็นปอดให้เมืองหลวงแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมพรรณพืชต่างๆ เอาไว้เพื่อทำการอนุรักษ์ ศึกษา และวิจัยทางด้านพฤกษศาสตร์อีกด้วย
เมื่อกินอาหารเช้าจนอิ่มหมีพีมัน และเดินชมสวน สูดอากาศบริสุทธิ์จนเต็มปอดแล้วก็ได้เวลาย้ายไปชมสถานที่ต่อไป นั้นก็คือ Rosenborg Palace ซึ่งอยู่กันคนละฟากกับ Botanical Gardens นั่นเอง พระราชวังแห่งนี้แม้ว่าจะเป็นพระราชวังเล็กๆ แต่ก็ล้อมรอบไปด้วย King's Garden ที่ยิ่งใหญ่สวยงาม และเป็นสวนสาธารณะที่มีชีวิตชีวาที่สุดของเมืองก็ว่าได้ และเมื่อใกล้เวลาเที่ยง เหล่าทหารยาม ก็จะเริ่มตั้งแถวเดินขบวนเพื่อไปเปลี่ยนเวรยามที่พระราชวังอีกแหล่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก นั่นก็คือ Amalienborg Palace ซึ่งเป็นที่อาศัยหลักของพระราชวงศ์เดนมาร์ก ในบริเวณหน้าพระราชวังแห่งนี้ก็จะมี Frederik's Church ตั้งตระการตาอยู่ ซึ่งสวยงามทั้งภายนอกและภายในเลยทีเดียว
เมื่อชมเหล่าทหารกล้าเปลี่ยนเวรยามเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องแวะไปเยี่ยมนางเงือกน้อย The Little Mermaid แต่ก่อนจะถึง เราก็ต้องเดินผ่าน The amalie Garden ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำ ในวันที่อากาศสุดแสนจะดีอย่างนี้ อะไรๆก็ดูสวยงามไปหมด ระหว่างทาง ก็จะมีทั้งโบสถ์ Saint Alban น้ำพุ Gefion และสวนสาธารณะที่มีเก้าอี้ให้ผู้คนได้นั่งพักผ่อนดื่มด่ำกับบรรยากาศ และเมื่อไปถึงรูปปั้นสาวน้อยผู้โด่งดัง ก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ที่คอยจะถ่ายรูปคู่กับนางเงือกน้อยผู้นี้ รูปปั้นนี้เกิดขึ้นจากการที่นาย Carl Jacobsen ผู้ก่อตั้งโรงกลั่นเบียร์ Carlsberg ดูบัลเล่ต์เรื่อง The Little Mermaid ที่เขียนขึ้นโดยนาย Hans Christian Andersen แล้วรู้สึกประทับใจในนิทานเรื่องนี้มาก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้นาย Carl Jacobsen จ้างนาย Edvard Eriksen นักปั้นฝีมือดีปั้นรูปนางเงือก โดยภรรยาของนาย Edvard Eriksen มานั่งเป็นแบบปั้น
เมื่อชมความงามของสาวน้อยเสร็จแล้วก็ได้เวลาหาอะไรรองท้องแล้ว เลยตัดสินใจนั่งเรือมาที่เกาะ Christianshavn เกาะที่ได้ชื่อว่า Small Amsterdam เพราะเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยคลองน้อยใหญ่คล้ายๆกับ Amsterdam และบนเกาะแห่งนี้ก็มีโบสถ์บารอก Our Saviour's Church (Vor Frelsers Kirke) ที่มีอายุ 300กว่าปี โบสถ์แห่งนี้มีหอคอยสูงที่บิดเป็นเกลียว ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวรอบๆ Copenhagen ได้ ภายในตัวโบสถ์แห่งนี้ยังมีออร์แกนเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1698 ที่ว่ากันว่าสวยทั้งรูปและเสียงกันเลยทีเดียว ในเกาะแห่งนี้ยังมี Christiania หมู่บ้านฮิปปี้ที่เป็นเขตปกครองตนเอง ที่มีการขายและบริโภคกัญชาอย่างโจ่งแจ้ง รวมทั้งยังมีร้านอาหารและผับบาร์สำหรับนักท่องราตรีอีกด้วย
และเมื่อข้ามกลับเข้ามาเกาะ Slotsholmen ซึ่งเป็นเกาะหลักของ Copenhagen เราก็จะเจอกับ พระราชวัง Christiansborg Palace ที่ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทำการของรัฐสภา และที่สำคัญที่แห่งมียังเปิดให้ขึ้นหอคอยไปชมวิวพาโนรามาได้ฟรีอีกด้วย แต่ต้องค่อคิวนานหน่อย แต่พอได้ขึ้นไปแล้วรับรองว่าคุ้มค่าต่อการรออย่างแน่นอน นอกจากบนนี้จะเห็นเมือง Copenhagen ทั้งเมืองแล้วยังเห็นสะพานเชื่อมประเทศเดนมาร์กและสวีเดน รวมทั้งเมือง Mälmo ของประเทศสวีเดนอีกด้วย
เมื่อมาถึง Copenhagen ก็คงจะพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาแวะพัก จิบเบียร์เย็นๆ ดูผู้คนออกมาสังสรรค์กัน ที่ Nyhavn หรือที่ท่าเรือใหม่นั่นเอง ณ ที่แห่งนี้ เราจะได้เห็นผู้คนมากหน้าหลายตา ออกมานั่งเล่น คุยกัน ทั้งแบบคนรัก เพื่อน ครอบครัว อยู่เต็มไปหมด มันดูช่างมีชีวิตชีวาจริงๆ Nyhavn เดิมเป็นท่าเรือพาณิชย์ที่ไว้สำหรับเรือจากทั่วทุกมุมโลกมาเทียบท่า บริเวณนี้จึงรายล้อมไปด้วยผับ บาร์ และร้านขายเหล้า จากนั้น จึงค่อยๆ ปรับปรุงขึ้นมาเป็นร้านอาหารและตึกรามบ้านช่องที่มีสีสันสดใส และหากใครคิดว่าการดื่มและรับประทานอาหารที่นี่ราคาแพงไป ก็สามารถไปหาซื้อเครื่องดื่มจากร้านขายของชำและมานั่งที่ท่าเรือแห่งนี้ได้ตามอัธยาศัย นอกจากนี้ ยังเป็นที่สำหรับล่องเรือชมวิวและสถานที่ต่างๆ รอบกรุงโคเปนเฮเกนได้อีกด้วย
หลังจากที่ตระเวนมารอบเมืองแล้วอีกจุดที่ไม่ควรพลาดก็คือ Round Tower หอสังเกตการณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และไว้ใช้ดูดาวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2185 หอสังเกตการณ์นี้รายล้อมไปด้วยสถานต่างๆ และวิวทิวทัศน์ที่เก่าแก่ของกรุงโคเปนเฮเกน ส่วนขาช๊อปก็ไม่ควรพลาดที่จะไป Strøget (walking street) แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกน และอยู่ในใจกลางเมือง Strøget เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในโลกที่มีความคับคั่งของร้านค้า ตั้งแต่สินค้าราคาถูกและสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ถนนคนเดินนี้มีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตรที่ยื่นจากศาลากลางไปยังถนน Kongens Nytorv