ถ้าหากพูดถึงเกาะในทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนคงไม่มีใครไม่รู้จักเกาะ Sardinia หรือ Sardegna ในภาษาอิตาลี่ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองลงมาจากเกาะ Sicily นั่นเอง นอกจากนั้นเกาะแห่งนี้ยังเป็นเขตปกครองตนเองของอิตาลี่อีกด้วย ช่วงวันที่ 11-15 พ.ค. ที่ผ่านมามีโอกาสเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดงานประชุมวิชาการของนักเรียนไทยในทวีปยุโรป (TSAC2016) ที่เมือง Alghero เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลาง (Medival city) ที่สวยที่สุดและเป็นเมืองที่มีการบำรุงรักษาไว้ได้ดีที่สุดของเกาะ Sardinia แม้ว่าในช่วงหน้าร้อนจะมีเหล่านักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลมาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้มากมาย แต่เมืองแห่งนี้ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์ที่ราคาสมเหตุสมผล ไม่แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับบริการที่ได้รับ
การมาที่เมือง Alghero ครั้งนี้ได้เข้าพักที่โรงแรม La Margharita ซึ่งเป็นโรงแรม 3ดาว และจุดเด่นของโรงแรมนี้ก็คือ Top roof ที่เปิดให้ผู้เข้าพักได้ขึ้นมาชมวิว paranorama ของเมืองและเป็นสถานที่รับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่อีกด้วย แต่ข้อเสียอีกอย่างคือห้องพักไม่ค่อยเก็บเสียง ดังนั้นจึงได้ยินเสียงของห้องข้างๆอยู่บ่อยๆ แต่โดยรวมคุณภาพบริการและห้องพักถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้
เมือง Alghero นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็น "One of Sardinia's most beautiful medieval cities" แล้วยังได้ชื่อว่าเป็น "Riviera del Corallo" หรือ "เมืองริมชายฝั่งที่เต็มไปด้วยปะการัง" เนื่องจากพบแนวปะการังสีแดงขนาดใหญ่อยู่ในน่านน้ำของตลอดแนวเมืองนี้ ดังนั้นในเขตเมืองเก่าจึงพบร้านเครื่องประดับมากมายที่ทำด้วยปะการังสีแดงโดยช่างฝีมือท้องถิ่นอยู่ทุกซอกทุกมุม ในเขตเมืองเก่านี้ถนนจะถูกปูด้วยหิน ตึกราบ้านช่องถูกแต่งแต้มไปด้วยสีน้ำผึ้ง มุงด้วยหลังคากระเบื้องสีแดง และตัวเมืองเก่าก็จะถูกหล่ายล้อมไปด้วยกำแพงทะเล(sea walls) และที่พลาดไม่ได้ก็คือการขึ้นไปชมวิวบนหอคอย Torre Porta a Terra ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นส่วนที่เหลืออยู่ของ Porta a Terra หนึ่งในสองประตูหลักในการเข้าไปในเมืองเก่านี้ ชั้นล่างจะถูกจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ส่วนด้านบนหอคอยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมวิวพาโนรามาของเมืองได้ฟรี
ในเขตเมืองเก่าจะเห็นได้ชัดว่ามีกรุ่นไอแบบสเปนหลงเหลืออยู่เนื่องจากเมือง แห่งนี้เคยตกเป็นอาณานิคมของคาตาลัน แม้ว่ามากว่าสามศตวรรษที่ ชาว Iberians ได้ย้ายออกไป แต่ทุกวันนี้ภาษาคาตาลันยังคงใช้อยู่อยู่ ป้ายชื่อถนนหรือแม้แต่เมนูอาหารก็ยังพบอยู่บ่อยครั้งที่เขียนทั้งภาษาคาตา ลันและอิตาลี่กำกับไว้
เมื่อเดินชมเมืองเก่าและกินไอติมจนอิ่มสมใจ แล้วก็เลยออกมาเดินชมวิวทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนยามเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน กันชิวๆ แม้ว่าจะลมแรงแต่ความสวยงามที่ได้ก็คุ้มค่าจริงๆ เนื่องจากหลักจากเสร็จภารกิจก็มีเวลาอยู่ไม่มากจึงมีโอกาสชมความสวยงามของ เกาะ Sardinia ได้เพียงเท่านี้ หากมีโอกาสได้กลับมายังเกาะแห่งนี้อีกครั้ง จะพยายามไปให้ได้ทั่วทั้งเกาะเลยทีเดียว
ในเขตเมืองเก่าจะเห็นได้ชัดว่ามีกรุ่นไอแบบสเปนหลงเหลืออยู่เนื่องจากเมือง แห่งนี้เคยตกเป็นอาณานิคมของคาตาลัน แม้ว่ามากว่าสามศตวรรษที่ ชาว Iberians ได้ย้ายออกไป แต่ทุกวันนี้ภาษาคาตาลันยังคงใช้อยู่อยู่ ป้ายชื่อถนนหรือแม้แต่เมนูอาหารก็ยังพบอยู่บ่อยครั้งที่เขียนทั้งภาษาคาตา ลันและอิตาลี่กำกับไว้
เมื่อเดินชมเมืองเก่าและกินไอติมจนอิ่มสมใจ แล้วก็เลยออกมาเดินชมวิวทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนยามเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน กันชิวๆ แม้ว่าจะลมแรงแต่ความสวยงามที่ได้ก็คุ้มค่าจริงๆ เนื่องจากหลักจากเสร็จภารกิจก็มีเวลาอยู่ไม่มากจึงมีโอกาสชมความสวยงามของ เกาะ Sardinia ได้เพียงเท่านี้ หากมีโอกาสได้กลับมายังเกาะแห่งนี้อีกครั้ง จะพยายามไปให้ได้ทั่วทั้งเกาะเลยทีเดียว